Last updated: 26 พ.ค. 2568 | 346 จำนวนผู้เข้าชม |
เพราะเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ทุกคน จึงไม่แปลกเลยที่ในทุก ๆ บ้านจะต้องมี “ตู้เสื้อผ้า” หรือถ้าให้ถูกต้องที่สุดอาจต้องใช้คำว่า ทุก ๆ คนล้วนมีตู้เสื้อผ้าเป็นของตนเองทั้งสิ้น บทความนี้เราได้หยิบเอาเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการเลือกซื้อตู้เสื้อผ้ามาฝาก ควรเลือกซื้อแบบไหน ขนาดตู้เสื้อผ้าต้องกว้างเท่าไหร่ สูงเท่าไหร่ เลือกอย่างไรถึงจะเหมาะสมกับห้องของเรา เชิญติดตามไปพร้อม ๆ กันในเนื้อหาดังต่อไปนี้
ในประเทศไทยไม่ได้มีการกำหนดขนาดตู้เสื้อผ้าแบบมาตรฐานเอาไว้อย่างชัดเจน ส่วนมากแล้วจะเป็นการผลิตตามขนาดที่สอดคล้องกับความต้องการ รวมถึงขนาดบ้านโดยเฉลี่ยของผู้ใช้งาน สำหรับผู้ที่อยากจะซื้อตู้เสื้อผ้าแล้วอยากจะลองคำนวณว่าถ้าวางในห้องแล้วจะพอดีไหม เรามีเกร็ดความรู้ที่เกี่ยวข้องมาฝาก ดังนี้
ขนาดตู้เสื้อผ้าทั่วไปในตลาด
อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้นว่าขนาดของตู้เสื้อผ้าในประเทศไทยไม่ได้มีขนาดมาตรฐานที่จำเพาะเจาะจง แต่ก็จะมีขนาดที่พบได้บ่อย ๆ เช่น ความสูงจะอยู่ที่ประมาณ 200 เซนติเมตร ความลึกของตู้อยู่ที่ประมาณ 50 ถึง 60 เซนติเมตร ส่วนความกว้างจะเป็นเครื่องกำหนดขนาดว่าเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กและตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ โดยเฉลี่ยแล้วเริ่มต้นประมาณ 80 เซนติเมตร และอาจยาวได้มากกว่า 250 เซนติเมตร
ตู้เสื้อผ้าบานเปิด และ ตู้เสื้อผ้าบานเลื่อน
ถึงจะมีขนาดของตู้เสื้อผ้าที่เท่ากันทั้ง ความสูง ความกว้าง และความลึก ทว่าเมื่อเปลี่ยนชนิดของตู้เสื้อผ้า ก็จะทำให้ขนาดการใช้งานแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อาทิเช่น ตู้เสื้อผ้าแบบบานเปิดและแบบบานเลื่อน ซึ่งถ้าเป็นแบบบานเปิด นอกจากต้องคำนวณขนาดของตู้แล้ว จะต้องเผื่อระยะขณะที่เปิดตู้อีกด้วย ไม่เหมือนกับบานเลื่อนที่คำนวณเฉพาะขนาดของตู้เพียงเท่านั้น
ขนาดความลึกและความสูงที่ควรรู้ก่อนซื้อ
ตามมาตรฐานสรีระชาวไทยแล้ว ขนาดความลึกตู้เสื้อผ้าควรจะมีไม่ต่ำกว่า 60 เซนติเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าด้านในยับ และในส่วนของความสูง ก็ต้องอ้างอิงกับความสูงของผู้ใช้งาน ทางที่ดีควรเลือกตู้เสื้อผ้าที่สามารถเอื้อมถึงได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเขย่ง ซึ่งน่าจะอยู่ที่ประมาณ 200 เซนติเมตร สำหรับสรีระร่างกายโดยเฉลี่ยของคนไทย
พื้นที่เผื่อเปิดประตูหรือเลื่อนบานตู้
มีหลายคนที่พลาดในขั้นตอนการเลือกซื้อตู้เสื้อผ้า เพราะนึกถึงแค่ขนาดตู้เสื้อผ้าเพียงเท่านั้น ไม่ได้คิดรวมถึงพื้นที่เผื่อตอนที่เปิดประตูบานเปิดของตู้เสื้อผ้า ซึ่งอาจทำให้ต้องเพิ่มระยะความลึกของตู้ขึ้นมาอีกอย่างน้อย 60 เซนติเมตร และ ต้องบวกระยะการเดินเข้าไปอีกเล็กน้อย ก็น่าจะต้องเผื่อประมาณ 100 เซนติเมตร ในส่วนของบานเลื่อนก็อาจจะเผื่อน้อยหน่อย เหลือพื้นที่เดินที่สะดวกประมาณ 60 เซนติเมตรก็เพียงพอ
เมื่อได้รับรู้ถึงขนาดตู้เสื้อผ้ามาตรฐานในประเทศไทยกันไปแล้ว ต่อมาเราจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถใช้กำหนดขนาดของตู้เสื้อผ้าที่เราควรซื้อ ซึ่งควรประเมินปัจจัยทั้ง 4 อย่างเหล่านี้เสียก่อน ถึงค่อยมองหาขนาดของตู้เสื้อผ้าที่ต้องการ
ขนาดของห้องนอน
ก่อนจะคิดถึงขนาดของตู้เสื้อผ้า อยากให้ลองคิดถึงขนาดของห้องนอนดูเสียก่อน เพราะส่วนใหญ่แล้วเรามักจะนำตู้เสื้อผ้ามาไว้ภายในห้องนอน ขนาดของตู้เสื้อผ้าต้องเหมาะสม ไม่ใหญ่เกินไปจนทำให้ห้องนอนดูอึดอัด ซึ่งควรคิดไปถึงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เตียงนอน โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงาน เป็นต้น
การจัดวางตำแหน่งตู้
ตำแหน่งการจัดวางของตู้เสื้อผ้า ตามปกติแล้วควรต้องอยู่ชิดผนังที่ไม่มีหน้าต่างหรือปลั๊กไฟ โดยมักนิยมนำเอาตู้เสื้อผ้าชิดเอาไว้บริเวณมุมห้องด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งควรเป็นตำแหน่งที่เข้าถึงง่าย มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการยืนเลือกเสื้อผ้าโดยไม่อึดอัด
พื้นที่เดินรอบ ๆ และการเว้นระยะปลอดภัย
เมื่อได้ขนาดมาตรฐานตู้เสื้อผ้าที่สนใจมากแล้ว อยากให้ลองนำมาจำลองภายในห้องเสียก่อน ว่าถ้าจัดวางแล้วจะมีพื้นที่สำหรับการใช้สอยมากน้อยเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนทั่วไปหรือห้องนอนเด็ก ถึงจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อน ที่ไม่ต้องเผื่อระยะเปิดประตูตู้ ก็ควรมีพื้นที่เว้นระยะออกมาพอสมควรสำหรับการเดิน หรือเว้นสำหรับการเปิดลิ้นชักภายในตู้ เป็นต้น
ความต้องการใช้งานจริง
ที่สุดแล้วก็ต้องหันมาโฟกัสที่ความต้องการในการใช้งานจริง สำหรับผู้ที่มีเสื้อผ้าเยอะ ๆ ตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กก็อาจจะไม่ตอบโจทย์สักเท่าไหร่ และในส่วนของผู้ที่มีเสื้อสูท ชุดเดรส หรือเสื้อเชิ้ต อาจจะต้องมองหาตู้ที่มีความสูงมากเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถแขวนแล้วเสื้อผ้าไม่ยับ เป็นต้น
ขนาดของตู้เสื้อผ้าไม่ใช่สิ่งเดียวที่เราควรพิจารณาหากต้องการซื้อตู้เสื้อผ้ามาใช้งาน เพราะตู้เสื้อผ้านั้นก็มีหลากหลายรูปแบบให้เราเลือก แน่นอนว่าความชอบส่วนบุคคลเป็นปัจจัยปัจเจกที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นมาดูกันเลยว่าในตอนนี้ มีตู้เสื้อผ้ารูปแบบไหนกำลังเป็นที่นิยมกันบ้าง ดังนี้
ตู้เสื้อผ้าบานเปิด
ตู้เสื้อผ้าบานเปิดเป็นตู้เสื้อผ้าที่เราน่าจะคุ้นเคยมากที่สุด เพราะเป็นรูปแบบต้นฉบับของตู้เสื้อผ้าในปัจจุบัน นิยมใช้ในบ้านที่มีพื้นที่เพียงพอ ไม่ค่อยเหมาะกับการเป็นตู้เสื้อผ้าสำหรับห้องเล็ก ๆ สักเท่าไหร่ จุดเด่นคือสามารถเปิดตู้เพื่อมองเห็นพื้นที่จัดเก็บเสื้อผ้าทั้งหมดได้ในคราวเดียว
ตู้เสื้อผ้าบานเลื่อน
ตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนเหมาะกับการใช้เป็นตู้เสื้อผ้าในห้องนอนขนาดเล็ก เนื่องจากประหยัดเนื้อที่ ไม่ต้องเผื่อระยะสำหรับประตูตู้เสื้อผ้าที่เปิดออกมา ทว่าอาจมีปัญหาเล็กน้อยหากเลือกใช้ตู้ที่ไม่ค่อยมีคุณภาพ เนื่องจากบริเวณรางประตูอาจเกิดการชำรุดได้ง่าย และอาจมองหาเสื้อผ้ายากกว่าแบบบานเปิดเล็กน้อย
ตู้เสื้อผ้าแบบ Build-in
ตู้เสื้อผ้าแบบ Build-in เป็นตู้เสื้อผ้าที่มีราคาค่อนข้างแพง เพราะจะต้องสั่งทำจึงพอดีกับพื้นที่การจัดวาง แน่นอนว่ามาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย สามารถเลือกได้อย่างอิสระ ว่าจะเป็น ขนาดตู้เสื้อผ้า 2 บาน หรือใหญ่หน่อยก็เป็น ขนาดตู้เสื้อผ้า 3 บาน ข้อเสียคือไม่สามารถย้ายตำแหน่งได้ ติดตั้งแล้วติดตั้งเลย
ตู้เสื้อผ้าแบบเปิดโล่ง (Open Wardrobe)
ตู้เสื้อผ้าแบบเปิดโล่ง (Open Wardrobe) กำลังเป็นเทรนด์มาแรงในตอนนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการห้องนอนแบบมินิมอล โดยตู้เสื้อผ้าแบบเปิดโล่ง เหมาะจะเป็นตู้เสื้อผ้าจัดห้องนอนขนาดเล็กของเยอะ เนื่องจากประหยัดเนื้อที่มาก และยังช่วยให้การแต่งห้องดูโปร่งโล่งไม่อึดอัด ทำให้ห้องดูมีสไตล์เป็นอย่างมาก แต่ก็มีข้อเสียคือฝุ่นจะเกาะเสื้อผ้าได้ง่ายถ้าดูแลทำความสะอาดไม่ดีพอ
ตู้เสื้อผ้าแบบมีลิ้นชัก ราวแขวน หรือชั้นวาง
ส่วนมากแล้วตู้เสื้อผ้ารูปแบบนี้จะเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย มีราวแขวนหลายระดับ ให้เลือกแขวนได้ทั้งเสื้อผ้าทั่วไป จนถึงราวแขวนที่มีความสูง สำหรับแขวน ชุดเดรส หรือ ชุดสูท แถมยังมีทั้งลิ้นชักสำหรับจัดเก็บสิ่งของ เช่น ถุงเท้า เนกไทด์ หรือ เครื่องประดับ เป็นต้น
เมื่อได้เข้าใจเกร็ดความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อตู้เสื้อผ้าไปแล้ว ในช่วงท้ายของบทความนี้ เราอยากจะมาแนะนำเคล็ดลับสำหรับการเลือกซื้อตู้เสื้อผ้า โดยจะสอดคล้องกับประเภทของตู้เสื้อผ้า ขนาดของตู้เสื้อผ้า และปัจจัยของการเลือกตู้เสื้อผ้า ไปดูกันเลยว่าจะมีเคล็ดลับอะไรบ้าง
วัดพื้นที่จริงพร้อมเว้นระยะขอบ
การวัดขนาดตู้เสื้อผ้าอย่างที่เรานำเสนอไปช่วงต้น นอกจากขนาดของตู้ที่ต้องการซื้อเข้ามา อย่าลืมวัดในส่วนของพื้นที่ใช้งานจริง รวมถึงระยะขอบ ระยะประตูตู้ เว้นพื้นที่สำหรับการเดิน พื้นที่การใช้งาน ขนาดควรยืดหยุ่นเผื่อเอาไว้ ไม่ควรเป็นขนาดแบบเป๊ะ ๆ เพราะอาจทำให้เวลาใช้งานจริง จะรู้สึกอึดอัด และทำให้ห้องดูแคบลงได้
เช็กความสูงจากพื้นถึงฝ้า
ต้องอย่าลืมโดยเด็ดขาดสำหรับการคำนวณความสูงตู้เสื้อผ้ากับความสูงของห้อง และทางที่ดีควรมีช่องว่างพอสมควรระหว่างบริเวณเพดานของห้องกับจุดสูงสุดของตู้เสื้อผ้า ซึ่งจะเป็นพื้นที่สำหรับการระบายอากาศ ทำให้ไม่เกิดกลิ่นอับชื้นภายในตู้เสื้อผ้า
สังเกตปลั๊กไฟ หน้าต่าง จุดบังแสง
ความยาวตู้เสื้อผ้าไม่ควรไปบดบังหน้าต่างหรือจุดที่แสงจะเข้ามาภายในห้องเป็นอันขาด นอกจากจะทำให้ห้องมีกลิ่นอับแล้ว อาจทำให้ภายในตู้เสื้อผ้ามีความร้อนสะสม จนทำให้ผ้าบางชนิดเกิดความเสียหายได้ ที่สำคัญคืออย่าลืมคิดถึงปลั๊กไฟภายในห้อง ไม่ควรให้จุดวางตู้เสื้อผ้าไปขวางปลั๊กไฟ เพราะจะทำให้ลำบากเวลาใช้งานจริง
ลองทำ Mock-Up ด้วยเทปหรือกล่องก่อนซื้อจริง
เมื่อเรามีเป้าหมายแล้วว่าอยากได้ตู้เสื้อผ้าแบบไหน ก็ให้เช็คว่าตู้เสื้อผ้ากว้างเท่าไหร่ สูงเท่าไหร่ ลึกเท่าไหร่ จากนั้นก็ทำการ Mock-Up ตู้เสื้อผ้าขึ้นมาตามขนาดจริง โดยใช้กล่องไปวางให้เป็นขนาดเท่ากับตู้ หรือจะใช้การแปะเทปเอาก็ได้เช่นกัน จากนั้นก็ลองมองภาพรวมของห้องและลองไปยืนเหมือนใช้งานจริงว่าสะดวกแค่ไหน
เมื่อได้รู้เคล็ดลับการเลือกซื้อตู้เสื้อผ้าไปแล้ว และได้รู้แล้วว่าขนาดตู้เสื้อผ้าควรเลือกอย่างไรดี ข้อสงสัยสุดท้ายของผู้ที่กำลังอยากได้ตู้เสื้อผ้า น่าจะเป็นเรื่องที่ว่าเลือกซื้อตู้เสื้อผ้าที่ไหนดี? ขอแนะนำ Taweesak Furniture ผู้เชี่ยวชาญด้านการแปรรูปไม้สัก ไม้มงคลของไทย ที่มาพร้อมคุณสมบัติสุดแข็งแกร่ง ให้กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มาพร้อมดีไซน์สุดล้ำสมัย
ตู้เสื้อผ้าไม้สักของเรามีหลากหลายแบบให้เลือกสรร ทั้งยังมีนักออกแบบที่เป็นคนรุ่นใหม่ เลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทำให้ออกมาเป็นตู้เสื้อผ้าไม้สักโมเดิร์นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของลูกค้าทุกท่าน หากสนใจสามารถสั่งซื้อสินค้า หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Line@ : @taweesakwood
Email : connect@taweesakfurniture.com
Facebook : www.facebook.com/taweesakfurniture