12 สไตล์การตกแต่งบ้านที่มาแรง ปี 2024 รู้ไว้เผื่อคุยกับช่าง

Last updated: 9 เม.ย 2567  |  307 จำนวนผู้เข้าชม  | 

สไตล์การตกแต่งบ้าน

อยากแต่งบ้านให้สวยแต่กลัวคุยกับช่างไม่รู้เรื่อง  เราได้รวบรวมเทรนด์แต่งบ้านมาแรงในปี 2024 มีให้เลือกหลายสไตล์ตามที่คุณชอบ พร้อมบอกเทคนิคการแต่งแบบไม่มีกั๊ก



1. สไตล์มินิมอล (Minimalist Interior Design)


สไตล์ที่เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความสวยงาม คอนเซปต์ของการแต่งบ้านสไตล์มินิมอลคือ “น้อยแต่มาก” โดยที่เราไม่ต้องแต่งเยอะ แนะนำให้เลือกเป็นไม้สีอ่อนจะทำให้บ้านดูอบอุ่น Smooth มากขึ้น ส่วนองค์ประกอบอื่น ๆ ในห้องให้เลือกเป็นสีแนวเอิร์ธโทน


Tips: เฟอร์นิเจอร์เท่าที่จำเป็น ของตกแต่งน้อยชิ้น เน้นเท่าที่จำเป็น เน้นไปที่การคุมโทนสีภาพรวมในห้องให้เป็นโทนสีอบอุ่น

 

อ่านเพิ่ม: มาดู 7 วิธีแต่งบ้านสไตล์มินิมอล และเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะ



2. สไตล์สแกนดิเนเวียน (Scandinavian Interior Design)


หรืออีกชื่อคือ นอร์ดิก (Nordic) การตกแต่งห้องสไตล์สแกนดิเนเวียนจะเป็นสไตล์ที่ใกล้เคียงกับมินิมอล แต่จะต่างกันตรงที่ของตกแต่งจะเยอะกว่า มีการใช้สีเยอะกว่า และนอร์ดิกจะเน้นโทนสีสว่างสีขาว ๆ เป็นหลัก รวมทั้งเน้นขนาดหน้าต่างใหญ่ๆ ให้มีแสงแดดเข้ามาในห้องเพื่อความปลอดโปร่ง เพิ่มความคอนทราสต์ด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเข้ม ตกแต่งด้วยต้นไม้เล็ก พรมขนสัตว์ หมอนอิง ผ้าห่มให้ความรู้สึกเหมือนอยู่เมืองหนาว ก็จะช่วยทำให้ห้องดูมีมิติมากขึ้น


Tips: เลือกใช้พื้นไม้สีอ่อนตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีวัสดุมาจากธรรมชาติ


อ่านเพิ่ม: 7 ทริคแต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์สแกนดิเวียน



3. สไตล์โมเดิร์น (Modern Interior Design)


แนวเรียบง่าย ๆ มีความหรูหรา ดูสบายตา ๆ จะกี่ปีก็ไม่เอาท์! ต้องแนวโมเดิร์น เฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะจะเป็นโต๊ะไม้ทาสีขาว ดำ หรือเทา เพิ่มไฟให้ดูสลัว ๆ ไม่สว่างและไม่มืดจนเกินไป มองหาของตกแต่งที่ดู Abstract พวกทรงเรขาคณิตต่าง ๆ ก็จะทำให้บ้านดูทันสมัย


Tips: กำหนดธีมหลักของสี เช่น ขาว ดำ เทา หรือแม่สี และของตกแต่งแนว Abstract 



4. สไตล์โบฮีเมียน (Bohemian Interior Design)


อยากแต่งบ้านแนวอิสระ เรียบง่ายและมีองค์ประกอบจากธรรมชาติ ต้องแนวโบฮีเมียน จัดเซ็ตโต๊ะไม้คู่กับเก้าอี้หวาย ของตกแต่งที่ขาดไม่ได้เลยคือผ้าที่มีลวดลายและสีสันเป็นเอกลักษณ์ ลายชนเผ่าต่าง ๆ เฟอร์นิเจอร์แนววินเทจต่าง ๆ เพื่อให้ดูอบอุ่นเป็นอิสระตามวิถีชาวยิปซี


Tips: เน้นสีโทนร้อน เฟอร์นิเจอร์แนววินเทจ เพิ่มความสบายตาในห้องด้วยต้นไม้สีเขียว จะช่วยให้ห้องดูซอฟต์ลง



5. สไตล์ทรอปิคอล (Tropical Interior Design)


แต่งบ้านด้วยแนวคิดใกล้ชิดธรรมชาติ ให้บ้านเป็นโอเอซิสที่ช่วยหลีกหนีความวุ่นวายจากภายนอก โดยสีหลักของห้องจะต้องเป็นสีธรรมชาติแนวเอิร์ธโทน เน้นเฟอร์นิเจอร์ที่มีวัสดุทำมาจากธรรมชาติ เช่น โต๊ะไม้ เตียงนอนไม้ เก้าอี้ไม้ โต๊ะเครื่องแป้งไม้


Tips: เน้นไปที่สีโทนอุ่น และจะต้องมีสีเขียวเป็นหลักในห้อง ของตกแต่งจะต้องมีต้นไม้หรือผ้าลายใบไม้มาช่วยทำให้ห้องมีสีเขียวเพิ่มขึ้น



6. สไตล์โคสตัล (Coastal Interior Design)


สไตล์ที่ชวนให้นึกถึงบ้านพักริมทะเลของกะลาสีเรือ โดยจะเน้นไปที่โทนสีฟ้า-ขาวเป็นหลัก และประกอบด้วยสีโทนเย็นอื่น ๆ ที่มองแล้วสบายตา ให้บรรยากาศที่อยู่แล้วรู้สึกเย็นกายสบายตาเป็นอย่างมาก 


Tips: เฟอร์นิเจอร์หลักเป็นไม้ทาสีขาว เลือกของตกแต่งให้เป็นธีมเกี่ยวกับท้องทะเล เช่น เปลือกหอย ภาพวาดทะเล



7. สไตล์วินเทจ (Vintage Interior Design)


วินเทจเป็นสไตล์ที่โดนใจเหล่านักสะสม เพราะสามารถใช้ของสะสมของเราเนี่ยแหละเป็นของตกแต่งได้เลย โดยเฉพาะคนที่ชอบสะสมของเก่า ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการแต่งบ้านสไตล์วินเทจคือเฟอร์นิเจอร์พวกไม้เก่าไม่ขัดสี


Tips: เน้นโทนสีขาว ครีม น้ำตาล เขียว (เอิร์ธโทน) ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เก่า กรอบรูปต่าง ๆ เสริมลูกเล่นเป็นชั้นวางของสะสม



8. สไตล์โอเรียนทอล (Oriental Interior Design)


สไตล์โอเรียนทอลจะเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน แล้วแต่ว่าคุณจะเลือกเอกลักษณ์ของประเทศไหนทางซีกโลกตะวันออกมาชูให้เด่น นำมาผสมผสานกับการตกแต่งบ้านแนวตะวันตก เพื่อให้ดูมีความทันสมัยมากขึ้น 


Tips: เลือกใช้สีหลักเป็นสีทอง น้ำตาล ดำ แดง เพื่อให้ดูหรูหราและทันสมัยสำหรับ Oriental สไตล์จีนๆ หรือเลือกสีน้ำตาล ขาว ดำ สำหรับการตกแต่งแบบรับแรงบันดาลใจจากญี่ปุ่น



9. สไตล์คอตเทจ (Cottage Style Design)


เพิ่มความอบอุ่นให้กับบ้านด้วยการตกแต่งสไตล์คอตเทจ ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นกระท่อมน้อยกลางป่า คุมโทนบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ พร้อมตัดด้วยของตกแต่งสีอ่อนหรือลายดอก เพื่อให้ดูไม่แข็งทื่อจนเกินไป


Tips: เน้นสีเอิร์ธโทนอ่อน ๆ กับเฟอร์นิเจอร์ไม้ การตกแต่งเน้นให้ความรู้สึกอบอุ่น



10. สไตล์อิเคล็กทริก (Eclectic Interior Design)


สไตล์โดนใจสายจี๊ดต้องแนวอิเคล็กทริก เพราะเป็นแนวที่เน้นไปที่สีสันฉูดฉาด ที่ไม่เข้ากัน แต่เมื่อนำมารวมกันแล้วกลับลงตัว ซึ่งจะเน้นไปที่การจัดวางองค์ประกอบของสิ่งของต่าง ๆ ภายในห้องเป็นหลักมากกว่าการคุมโทนสี 


Tips: ฉีกกฎทุกการคุมโทน เน้นการผสมสีต่าง ๆ ที่ไม่เข้ากันให้เข้ากันอย่างลงตัว ไม่เน้นว่าต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์สีอะไร หากนำมามิกซ์แล้วลงตัวออกมาเป็นสไตล์นี้ก็ล้วนใช้ได้



11. สไตล์ลอฟท์ (Loft Interior Design)


สไตล์นี้เหมาะกับคนที่ชอบแนวดิบ ๆ สไตล์ลอฟท์จะเป็นการแต่งบ้านที่เน้นโชว์สีจริงของวัสดุ เช่น สีของปูนเปลือย ท่อเหล็กไม่ทาสี โต๊ะไม้สีดิบ ๆ เข้มๆ เน้นความเรียล ไม่แต่งสีพื้นผิวมาก


Tips: เน้นสีดำ เทา ขาว น้ำตาล เฟอร์นิเจอร์แบบดิบ ๆ เช่น โต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้ม เก้าอี้สตูลโครงเหล็ก




12. สไตล์รัสติก (Rustic Interior Design)


คล้ายกับสไตล์ลอฟท์แต่เป็นแนวดิบที่ละมุนกว่า สำหรับวัสดุที่นำมาตกแต่งจะเน้นใช้วัสดุจากธรรมชาติมากขึ้นแทนที่พวกเหล็กหรือปูน เช่น ไม้ หิน เชือก ผ้า เพื่อเน้นให้เห็นความงามของธรรมชาติ คุมแสงไฟให้เป็นสีโทนอุ่นจะช่วยสร้างบรรยากาศได้ดี 


Tips: เลือกเฟอร์นิเจอร์หลักทำจากไม้ เพราะเฟอร์นิเจอร์ไม้จะเหมาะมากที่สุดกับบ้านสไตล์นี้ คุมภาพรวมด้วยขาวแมทช์กับสีน้ำตาลไม้ที่เปิดเปลือยสีจริง แต่เป็นสีที่ไม่เข้ม ออกละมุนโทน muted/neutral


ส่งท้าย


ทั้ง 12 สไตล์นี้บอกเลยว่าแต่งได้ไม่ยากเพราะส่วนมากเฟอร์นิเจอร์หลัก ๆ จะเป็นเฟอร์นิเจอร์จากไม้ทั้งนั้น ซึ่งหาซื้อได้ง่ายมาก หากเรารู้วิธีการคุมโทนก็จะยิ่งง่าย ช่วยให้ภาพการตกแต่งชัดขึ้น ถ้าบอกสไตล์กับช่างแล้วกลัวจะไม่เก็ทก็บอกสีและเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการคุมโทนได้เลย


สำหรับท่านใดที่มีความสนใจในงานเฟอร์นิเจอร์ไม้สักที่คุณภาพพรีเมียม ดีไซน์สวย ที่ Taweesak Furniture มีให้เลือกสรรอย่างหลากหลาย ตั้งแต่เตียงไม้สักแพร่ที่ได้มาตรฐาน ไปจนถึงชุดโต๊ะอาหารไม้สัก รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ อีกมากมาย คิดจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้ ไม่ว่าจะดีไซน์โมเดิร์น มินิมอล วินเทจ ก็อย่าลืมนึกถึง Taweesak Furniture ตัวจริงเรื่องเฟอร์นิเจอร์ไม้คุณภาพระดับพรีเมียม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว นโยบายคุกกี้